มาทำความรู้จักกับรถมอเตอร์ไซค์คันแรกของโลก

อะไหล่มอเตอร์ไซค์

อะไหล่มอเตอร์ไซค์ มาทำความรู้จักกับรถมอเตอร์ไซค์คันแรกของโลก ในอดีตส่วนใหญ่แล้วเราจะเดินทางด้วยเท้าหรือเดินทางด้วยการขี่ม้าซึ่งมีความยากลำบากมาก ทำให้ได้มีการคิดค้นยานพาหนะต่าง ๆ มากมาย เช่น รถลาก รถยนต์ รถจักรยาน สมัยก่อนถ้าเดินทางใกล้ ๆ มักจะปั่นรถจักรยานกัน แต่ต่อมาได้มีการพัฒนารถจักรยานมาเป็นรถมอเตอร์ไซค์ ที่เราพบเห็นหรือใช้งานกันในปัจจุบัน โดยกว่าจะพัฒนาและออกแบบตัวรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ในปัจจุบันได้นั้นใช้ระยะเวลาที่นานมาก ๆ ภายในตัวรถมอเตอร์ไซค์นั้นมีชิ้นส่วนอะไหล่มอเตอร์ไซค์ อยู่หลายชิ้นหากชิ้นใดชิ้นหนึ่งเกิดปัญหาจะส่งผลต่อการทำงานได้ โดยในท้องตลาดมีรถมอเตอร์ไซค์ให้เลือกหลากหลายแบรนด์หลายรุ่น หลาย ๆ คนคงยังไม่รู้ว่ารถมอเตอร์ไซค์นั้นได้มีการแบ่งออกเป็นหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันมาก วันนี้ NRM Motor จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับประเภทของรถมอเตอร์ไซค์ และจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับรถมอเตอร์ไซค์คันแรกของโลกกัน

รถมอเตอร์ไซค์คันแรกของโลก

อะไหล่มอเตอร์ไซค์

รถมอเตอร์ไซค์คันแรกของโลกถูกสร้างโดยนักประดิษฐ์ชาวเยอรมันชื่อ ก็อทลีพ ไดม์เลอร์ ได้มีการจดสิทธิบัตรเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1885 ต่อมาได้เกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ในตอนนั้นได้มีการพัฒนารถมอเตอร์ไซค์ ให้สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังไอน้ำครั้งแรกในปี ค.ศ. 1861 โดยซิลเวสเตอร์ เอช. โรเปอร์จากรัฐแมสซาชูเซตส์ ต่อมาในปี ค.ศ. 1894 ทาง Hildebrand & Wolf muller ได้มีการออกจำหน่าย รถมอเตอร์ไซค์ครั้งแรก โดยมีการพัฒนาปรับปรุงการเผาไหม้ภายในเครื่องยนต์ให้ดีขึ้น ในสมัยนั้นมีผู้ที่ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ออกมาเป็นจำนวนมาก ความจริงในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งนั้นมีผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์มากที่สุดคือบริษัทอินเดียนที่ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ออกมาถึง 2 หมื่นคันต่อปี  

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง BSA Group ถือเป็นผู้ผลิตใหญ่ที่ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ 75,000 คันต่อปีในปี ค.ศ. 1950 จากนั้นในปี ค.ศ. 1955 -1970 บริษัทจากเยอรมนี Motorenwerke AG เป็นผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์มากที่สุด แต่ในปัจจุบันแบรนด์ที่มีอิทธิพลต่อวงการรถมอเตอร์ไซค์ คือ แบรนด์จากประเทศญี่ปุ่นอย่าง Honda, Kawasaki, Suzuki และ Yamaha ส่วนในอเมริกานั้นรถมอเตอร์ไซค์ของ Harley-Davidson ก็ยังเป็นที่นิยมมาก แบรนด์ที่นิยมในทางยุโรป คือ Ducati จากประเทศอิตาลี และ BMW จากประเทศเยอรมัน

รถมอเตอร์ไซค์มีกี่ประเภท

ในปัจจุบันตามท้องถนนเรามักจะเห็นรถมอเตอร์ไซค์หลากหลาย โดยแต่ละแบบนั้นมีสมรรถนะรวมถึงจุดประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกัน หลาย ๆ คงนึกสงสัยว่ารถมอเตอร์ไซค์มีกี่ประเภทและแต่ละประเภทนั้นแตกต่างกันยังไง

1.Standard

มอเตอร์ไซค์ Standard

เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่พบเห็นได้ทั่วไปตามท้องถนน พื้นฐานของรถตัวนี้จะมีเครื่องยนต์ขนาด 1 ลูกสูบ พิกัดเครื่องยนต์ตั้งแต่ 50 – 200 cc โดยรถประเภทนี้จะต้องมีระบบเกียร์ในการขับเคลื่อน เช่น Honda Super Cup หรือ Yamaha Exciter เป็นต้น

2. Automatic / Scooter / Big Scooter

มอเตอร์ไซค์ Automatic

ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ต่อยอดจากรูปแบบของรถ Standard โดยตัวรุ่นนี้ใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเครื่องยนต์จะมี 1 – 4 ลูกสูบ แล้วแต่ขนาดซีซีของเครื่องยนต์ โดยไล่ไปตั้งแต่ 100 – 800 ซีซี ตัวอย่างเช่น Yamaha Fino, Aerox, Qbix, ตระกูล max หรือ Honda Scoopy, PCX, Forza, X-ADV หรือจะเป็น Big Scooter ขนาดใหญ่อย่าง Suzuki Burgman เป็นต้น 

3.Naked

มอเตอร์ไซค์ Naked

ในส่วนของรุ่นนี้จะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่มีรูปลักษณ์เหมือนบิ๊กไบค์ เครื่องยนต์จะอยู่ที่ขนาด 125 – 1300 ซีซี เครื่องยนต์นั้นมีได้ตั้งแต่ 1- 4 ลูกสูบ แยกประเภทได้เป็นลูกสูบเดี่ยว, สองลูกสูบเรียง, สองลูกสูบ V-Twin หรือ L – Twin, สองลูกสูบนอน, สามลูกสูบเรียง, สี่ลูกสูบเรียง และสี่ลูกสูบ V4 บรรดาเครื่องยนต์แต่ละรูปแบบจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป เช่น Honda ตระกูล CB ทั้งหลาย Yamaha M-Slaz และตระกูล MT, Suzuki GSX-S150, SV650, Kawasaki ตระกูล Z

4.Dual Sport / Dual Purpose / Adventure / Adventure Sport

มอเตอร์ไซค์ Dual-Sport

ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ต่อยอดมาจากรถมอเตอร์ไซค์แบบ Naked โดยรูปแบบในการใช้งานแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ ทางเรียบและทางวิบาก โดยรถมอเตอร์ไซค์แบบนี้นั้นมีระบบกันสะเทือนหน้าที่จะมีระยะการยุบตัวที่ยาวกว่ารถในแนวปกติ ที่สำคัญรถมอเตอร์ไซค์แบบนี้มีรูปแบบของยางที่จะเป็นแบบร่องลึกเพื่อที่จะได้สามารถตะกุยดิน, หิน และทรายได้

5.Dirt Bike / Off Road

มอเตอร์ไซค์ Dirt-Bike

หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่ารถมอเตอร์ไซค์วิบากที่ถูกออกแบบมาเพื่อสำหรับการขี่ในสถานที่ที่มีพื้นที่ขรุขระ อย่างการขี่ขึ้นเขา โดยน้ำหนักตัวรถจะมีความเบากว่า Dual sport และ Dual Purpose รูปแบบยางจะเป็นยางแบบบั้ง สามารถตะลุยเส้นทางวิบากได้ไม่ว่าจะพื้นผิวแบบไหน

6.Sport Fairing / Super Sport / Super Bike

มอเตอร์ไซค์ Sport-Fairing

ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่นิยมใช้งานกันมากในประเทศไทย ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยเท่ในสายตาของใครหลาย ๆ คน รูปแบบของเครื่องยนต์นั้นมีความเหมือนกับรถในแนวของ Naked ตัวเครื่องยนต์มีได้ตั้งแต่ 125 – 1400 ซีซี

  • Sport Firing มีพิกัดเครื่องยนต์ตั้งแต่ 150 – 650 ซีซี
  • Super Sport มีพิกัดเครื่องยนต์ขนาด 650 – 900 ซีซี
  • Super Bike มีพิกัดเครื่องยนต์ขนาด 950 – 1300 ซีซี

7.Sport Touring

มอเตอร์ไซค์ Sport-Touring

ข้อแตกต่างของรถมอเตอร์ไซค์ในแนว Sport Firing กับ Sport Touring พื้นฐานเครื่องยนต์ 2 – 6 ลูกสูบ พิกัดเครื่องยนต์ขนาด 500 – 1800 ซีซี มีชิ้นส่วนแฟริ่งเหมือนกับ Sport Firing แต่ตัวแฮนเดิ้ลบาร์ที่ติดตั้งมาจะไม่กดต่ำแบบ Sport Firing เหมาะกับการเดินทางในระยะกลางถึงไกล เช่น Kawasaki ZZR1400, Ninja H2 SX, Yamaha FJR1300

8.Cruiser / Custom / Chopper

อะไหล่มอเตอร์ไซค์

รถมอเตอร์ไซค์แนวนี้มีลักษณะดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร โดยแบบนี้จะมีชิ้นส่วนของแฟริ่งน้อยถึงน้อยที่สุด ตัวเครื่องยนต์จะเปลือยเปล่าไม่มีส่วนปกบิด ท่าทางในการขับขี่ที่หลังจะตรงตลอดเวลา องศาเลี้ยวรถจะกว้างกว่าปกติ เครื่องยนต์ส่วนมากจะใช้เครื่องยนต์แบบ 2 – 6 ลูกสูบ เช่น Triumph Bonneville, Harley Davidson

9.Touring / Luxury Touring

อะไหล่มอเตอร์ไซค์

รถมอเตอร์ไซค์แนวนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ขนาดของรถจะใหญ่ เครื่องยนต์ที่นิยมกันตั้งแต่ 1200 – 1800 ซีซี ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2 ลูกสูบขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นสองลูกสูบเรียง, สองลูกสูบ V-twin, 2 ลูกสูบแบบ Flat Boxer ไปจนถึง 8 ลูกสูบก็มี รถมอเตอร์ไซค์แนวนี้จะมีการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการเดินทางไว้ครบ มีการติดตั้งดาวเทียม GPS ชุดฮีตเตอร์ให้ความอุ่นทั้งที่เบาะนั่งและแฮนด์รถ เหมาะกับการเดินทางไกล

การดูแลรถมอเตอร์ไซค์อย่างถูกวิธี

อะไหล่มอเตอร์ไซค์

การดูแลรถมอเตอร์ไซค์และอะไหล่มอเตอร์ไซค์เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนละเลยไม่ค่อยให้ความสำคัญ เพราะส่วนใหญ่จะใช้รถมอเตอร์ไซค์ทุกวัน จนบางครั้งเราคิดว่าถ้าสามารถใช้งานขับขี่ได้ปกติ ถือว่ารถยังมีคุณภาพที่ดี แต่ความเป็นจริงคือเราต้องคอยตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ เพราะเราใช้งานรถมอเตอร์ไซค์ทุกวัน จนบางครั้งอะไหล่มอเตอร์ไซค์เกิดความเสียหายโดยที่เราไม่รู้ตัวได้ ถ้าหากเรารู้สึกว่าชิ้นส่วนอะไหล่มอเตอร์ไซค์ตัวไหนเกิดปัญหาแล้วหาทางแก้ไขหรือเปลี่ยนจะเสียค่าใช้จ่ายไม่มาก ถ้าหากมาตรวจตอนที่อะไหล่มอเตอร์ไซค์เสียหายหนักจนเกินเยียวยาแล้วจะเป็นค่าใช้จ่ายที่บานปลายได้

1.การตรวจเช็คสภาพรถตามกำหนด (ตรอ.)

รถมอเตอร์ไซค์จะต้องมีอายุการใช้งานครบ 5 ปีขึ้นไปถึงจะตรวจสภาพได้ ตั้งแต่วันแรกที่ได้จดทะเบียนจนถึงวันสิ้นอายุภาษีประจำปี แต่สามารถนำเข้ามาตรวจล่วงหน้าได้ถึง 3 เดือนก่อนถึงวันสิ้นอายุประจำปี  ไม่ว่าจะเช็คสภาพรถโดยรวม, เช็คระบบเบรก, เช็คระบบเสียงแตร, เช็คระบบไฟทั้งหมด และเช็คค่าไอเสียมลพิษทางอากาศ

2.ตรวจเช็คแบตเตอรี่

หากมีรถมอเตอร์ไซค์ที่ไม่ได้ใช้งานเป็นระยะเวลานาน อาจจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้ อาการที่บอกว่าแบตเตอรี่เสื่อม คือ ระหว่างที่ขับหรือขณะใช้งานระหว่างทางเครื่องอาจจะมีอาการดับกลางทาง ถือเป็นสิ่งที่อันตรายอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ การตรวจเช็คแบตเตอรี่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อความปลอดภัยระหว่างขับขี่

3.การล้างทำความสะอาดเครื่อง

ถือเป็นวิธีการดูแลอะไหล่มอเตอร์ไซค์ที่ง่ายที่สุด เพราะเวลาเราใช้งานตลอดทางที่เราขับจะมีฝุ่น, ดิน, หิน และทรายต่าง ๆ ที่เกาะติดมาด้วยทำให้เกิดคราบสิ่งสกปรก โดยคราบพวกนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้ อะไหล่มอเตอร์ไซค์ เกิดความเสียหายได้

4.ตรวจสอบสภาพยางสม่ำเสมอ

ยางถือว่าเป็นชิ้นส่วนอะไหล่มอเตอร์ไซค์ที่สำคัญมาก ๆ ถือเป็นส่วนที่ทำให้รถมอเตอร์ไซค์ของคุณเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ส่วนใหญ่ปัญหาที่เกิดกับยาง คือ ยางรั่ว, ยางมีรอยปริแตก หรือยางเสื่อมสภาพ จุดเล็กเพียงจุดเดียวสามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ การตรวจสอบสภาพยางสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ

5.เลือกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเหมาะกับเครื่องยนต์

การเลือกน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะกับเครื่องยนต์จะช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ดีถ้าหากเติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่เหมาะสมกับเครื่องยนต์จะส่งผลให้เครื่องยนต์หรือ อะไหล่มอเตอร์ไซค์ ต่าง ๆ ภายในเครื่องยนต์เสียหาย

บทความที่เกี่ยวข้อง

สรุป

หลายคนคงเข้าใจถึงที่มาของรถมอเตอร์ไซค์กันแล้วว่าได้มีการออกแบบหรือเริ่มสร้างตั้งแต่ช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ถือเป็นส่วนสำคัญในสงครามสมัยนั้นมาก จากนั้นได้มีการพัฒนาและดัดแปลงให้ดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนในปัจจุบันมีรถมอเตอร์ไซค์หลากหลายประเภทหลายแบรนด์ให้เลือกซื้อ รถมอเตอร์ไซค์ในแต่ละแบบก็เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป เพราะด้วยตัวเครื่องยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่มอเตอร์ไซค์ที่แตกต่างกัน จึงควรเลือกใช้ให้เหมาะกับการใช้งาน ที่สำคัญควรตรวจสอบและดูแลรถมอเตอร์ไซค์อย่างสม่ำเสมอด้วยเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน และความปลอดภัยต่อเพื่อร่วมทางบนท้องถนน

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

โทร : 04-4511982

Line : @narinmotor

Facebook : NRM Motor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *